วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

Day 9 More than Reading is Thinking by Topbeatbox

เมื่อคืนผมได้อ่านบทความบทความนึงเขียนเกี่ยวกับการออมเงิน ที่ทำให้ได้เงินเก็บ 10 กว่าล้าน โดยเขาตั้งสมมุติฐานว่าเก็บเงินเดือนละ 20% เพื่อนำไปลงทุนสิ่งให้ผลตอบแทนแน่นอน12% เงินเดือนขึ้น 3 % ทุกปีเท่ากับเงินเฟ้อ ซึ่งวิธีการหาก็คือใช้สูตรหา FV หรือ Future Value ซึ่งผมลองคำนวณมาแล้วว่า ถ้าออมแบบข้างต้นครบสามสิบปีจะได้เงินจำนวน 10,484,892.40 Baht แต่ไม่ได้คำนวนเงินเฟ้อเพราะรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาหักลบกับเงินเฟ้อก็ทำให้ Purchasing Power เท่าเดิม ซึ่งการคำนวณที่ผมอ่านก็ถูกต้อง การเก็บเดือนละ 20 เปอร์เซ็น เป็นไปได้ แต่การให้ผลตอบแทน 12 เปอรเซ็นตลอดเป็นไปได้เหมือนกัน แต่ใครจะให้ดอกเบี๊ยถึง 12 เปอร์เซ็นละ หรืออาจจะมีหว่าา ผมจะได้รีบไปฝาก 555+ เงินเฟ้อจริงอยู่ที่ 3 เปอร์เซ็น แต่เงินเฟ้อจำพวกอาหาร เป็นเงินเฟ้อเยอะมาก เมื่อ 12 ปีที่แล้วผมกินก๋วยเตี๊ยวจานละ 10 บาท ทุกวันนี้ต่ำๆก็ 40 บาท ถ้าเราเอามาเทียบกับ 12 ปีที่แล้ว ก็ประมาณ 400% เงินเดือนที่ควรได้เพิ่มน่าจะมาจากการคำนวณจากเงินเฟ้อของ Basic need หรือเงินเฟ้อของ Cost of Living ถ้าเทียบกับเงินเฟ้อธรรมดา 3% ใน 12 ปีจะได้เงินเฟ้อ 42% ถ้านับจาก 12ปีก่อน ตรงนี้มันก็เหมือนกับดักเพราะเงินที่ได้เพิ่ม 3% มันก็ไม่เท่ากับเงินเฟ้อในค่าอาหาร ซึ่งเป็นของที่ทุกคนจำเป็นต้องซื้อซะส่วนใหญ่ และมันแพงๆขึ้นเรื่อย นี้ยังไม่รวมค่าน้ำมันหรือค่าเดินทางที่แพงขึ้น





จากข้างต้นผู้ชายคนนี้แยกหลายบัญชีเพื่อแยกค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันในคนละส่วน แต่ถ้าวันนึงเขาเกิดมีลูกขึ้นมา มีครอบครัว การจัดการเรื่องเงินทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เงินที่เคยเอาไปออมก็ออมให้ลูกแทน พอลูกเข้าโรงเรียนก็ต้องเอาเงินออมมาใช้ เมื่อเอามาใช้ก็ไม่ได้ดอกเบี๊ย เว้นแต่ว่าคนเป็นพ่อแม่จะต้องมีวิธีบริหารเงินแบบสุดโด่ง อดได้ทนได้ มีกินก็ได้ ไม่มีก็ได้ ประเด็นที่ผมพูดถึงตรงนี้คือการความก้าวหน้า ขยันพัฒนาการ การเรียนรู้ ประสบการณ์ อย่างต่อเนื่องต่างหากที่นำไปสู่อิสระภาพที่แท้จริง ส่วนเรื่องเงินทองมันจะตามมาเอง



เมื่อวานได้คุยกะเพื่อนเนื้อหาน่าสนใจว่า การทำอะไรต้องแตกต่าง แต่ต้องแตกต่างขนาดไหนล่ะ ซึ่งคุยไปคุยมาผมขอสรุปใน Version ของผมนะครับ ถ้าคุณต้องการแตกต่างมากๆ หมายถึงสิ่งที่ ไม่เคยมีใครบนโลกทำได้ เมื่อทุกคนในโลกคิดได้แต่ทำไม่ได้เลยกลายเป็นเรื่องเกินจริง การทำสิ่งที่แตกต่างแบบสุดโต่งจำเป็นที่จะต้องถวายชีวิตกับการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เมื่อคุณสามารถทำออกมาได้โลกจะจดจำเพราะไม่เคยมีใครคิดว่าจะทำได้ เช่น สองพี่น้องตระกลูไลท์ คนคิดค้นเครื่องบิน สตีฟ จ๊อบ คนคิดระบบ IOS Bill Gate คนคิดค้น ระบบ Window  แต่ผมเข้าใจว่าในแต่ละวงการย่อมมีการทำสิ่งที่แตกต่างที่ต่างกัน สมมุติวงการหนัง คนคิดบทสามารถคิดอะไรที่แตกต่าง ซึ่งไอเดียมันค่อนข้างกว้าง มีคนคิดมาแล้วมากมาย เช่นพี่มากพระขโนงที่ฟันรายได้ถล่มทลาย คำถามคือเป็นเพราะการเอาเรื่องพี่มากพระขโนงมาทำให้ตลกคนจึงมาดูหรือป่าว จริงอยู่ที่ไอเดียของหนังอาจจะดี แต่ถ้าเราเปลี่ยนคนเขียนบท เปลี่ยนนักแสดงจากพวกนี้เป็น พวกหม่ำจ๊กมก อาจจะได้ผลลัพท์อีกแบบนึง แต่มันก็เป็นการทำพี่มากพระขโนงในเวอร์ชั่นตลกเหมือนกัน การนำเสนออะไรที่ทำให้คนดูชอบมันขึ้นอยู่หลายปัจจัย เราไม่สามารถตัดสินว่าอะไรดีเพราะ .... สิ่งนี้สิ่งเดียว ทุกอย่างที่ออกมาตีเกิดจากการลงตัวของทุกปัจจัยที่รวมเข้าด้วยกัน





Topbeatbox # ชิวดิว่าาา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น