วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

Day 4 Intuition and Strategy By Kanthorn.





วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่อง "การหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นในใจ และยุทธวิธี" เนื้อหานั้นก็บางส่วนนั้นก็มาจากหนังสือ The Intuitive Trader เล่มเดียวกับบทความที่แล้วครับ. 

" Think of what is right and true. Learn to see everything accurately. Become aware of what is not obvious. Be careful even in small matters. Do not do anything useless. " แปลคร่าวๆได้ว่า "จงคิดดูว่าอะไรที่ถูกต้องและเป็นจริง..เรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆอย่าง แม่นยำ...ต้องตระหนักรู้ให้ได้ว่าอะไรที่ไม่ชัดเจน แม้แต่รายละเอียดเล็กๆก็อย่าได้มองข้าม และจงอย่าได้ทำสิ่งต่างๆให้มันไร้ประโยชน์" ( เนื่องจากบทความมันเป็นแนวสำนวน ผมอ่านเป็นอังกฤษแล้วเข้าใจแต่พอจะพยายามแปลออกมาให้เป็นคำไทยที่สวยหรูมัน ช่างยากเย็นจริงๆ T_T ) Miyamoto Musashi ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ The book of the Five Ring (1643 ) ซึ่งเป็น 1 ในหนังสือเชิงปรัชญาซามูไรที่เยี่ยมยอดของโลกเลยก็ว่าได้.

ตามหลักการของ Musashi และคำแนะนำของผู้เขียนที่ได้พูดคุยกับเทรดเดอร์ที่เป็นตำนาน..เป็นเรื่องที่ แปลกมากเมื่อเขาพูดถึงเรื่องของการฝึกฝนเพื่อเป็นสุดยอดเทรดเดอร์...เขาได้ พูดเอาไว้ว่าในความเป็นจริงของการเทรดนั่น Strategy and technique เป็นอะไรที่เรียนไว้ให้เพื่อลืมเท่านั้น ...เขาไม่ได้พูดแบบนั้นให้มันดูสวยหรูนะ แต่สิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อคือ คนเราส่วนใหญ่นั้นเรียนรู้อย่างหนัก ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองเก่งในเรื่องของ strategy และ technique แล้วคิดว่าตัวข้านั่นเก่งสุดยอดแล้วไม่มีวิชาใดบนโลกนี้ที่ข้าไม่รู้...ใครพูดระบบนี้ออกมาเราก็ตอบได้หมด indicator ตัวนี้ทำงานยังไงเราก็ตอบได้ แต่ความจริงนั้นมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะในเหตุการจริงนั้นสถานะการณ์ที่ไม่คาดคิดมักจะเกิดขึ้นได้เสมอ...พอสถานะการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นเราก็ทำอะไรไม่ถูกเกิดอาการ shock นั่นเองมือไม้สั่น นั่งอยู่หน้าจอมอง port ของตัวเองค่อยๆหายไปเรื่อยๆโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย...เขาได้ยกตัวอย่างว่าการ เทรดก็เหมือนกับการเล่นดนตรีนั่นละ ตอนซ้อมเราก็ซ้อมๆๆๆ จนเก่งจนมั่นใจตามจังหวะและแผนที่วางเอาไว้ แต่พอเวลาเล่นจริงๆมักจะตรงข้ามกัน..คนที่เคยเล่นดนตรีแบบจริงจังจะเข้าใจ ว่าเราไม่มีทางเล่นได้แบบตอนซ้อม ยังไงก็ต้องเกิดความผิดพลาด เพราะแรงกดดันมันต่างกัน, สภาพแวดล้อมมันต่างกัน...เมื่อถึงตอนนั้นตัวเรานั้นจะไม่ได้เป็นคนที่คุมทำนองจังหวะ แต่จะเป็นจังหวะของเพลงที่คุมตัวเรา..เราเลยจำเป็นที่จะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับเพลงๆนั้นด้วยจิตวิญญาณของนักดนตรี

.....หากเปรียบกับซามูไรการที่เราจะ เป็นสุดยอดนักรบได้นั้นเราต้องเป็นหนึ่งเดียวกับดาบให้ได้ และถ้าจะเปรียบกับเทรดเดอร์เราคงต้องเป็นหนึ่งเดียวกับหน้าจอคอมให้ได้ 555 ล้อเล่นครับ !!! ในมุมมองของผมนั้นการจะเป็นสุดยอดเทรดเดอร์นั้นมันยากยิ่งกว่า นักดนตรีและซามูไรซะอีก T_T และถ้าถามว่าเราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับอะไรถึงจะเก่งได้..อันนี้ผมคงตอบให้ ไม่ได้นะ ลองถามใจตัวคุณเองดู..ถ้ารู้แล้วเอามาบอกผมด้วย อิอิ แต่สำหรับตัวผมคิดว่าถ้าผมจะเป็นสุดยอดเทรดเดอร์ได้นั้นผมต้องเป็นหนึ่ง เดียวกับสัญชาตญาณของตัวผมเองให้ได้...ณ ตอนนี้ผมไม่รู้จริงๆว่าสัญชาตญาณหน้าตาเป็นอย่างไร แต่อีกหน่อยก็คงจะรู้เองเมื่อได้พบกับมัน ( อารมณ์เหมือนเนื้อคู่ของเราถ้าเรามัวแต่รอไม่ออกตามหาจะรู้มั้ยละว่าคนคน นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร 555 ). 

***** ในหนังสือ Zen and the Way of the Sword, Arming the Samurai Psyche ( Oxford,1990) เขียนเอาไว้ว่า "The swordsman handles his sword as if he were handling chopsticks, picking up a piece of food and putting it into his mouth...Everything must be turned over to the unconscious/subconscious visceral awareness. There is no room or time here for thought." แปลได้ว่า... "นักดาบที่แท้จริงนั้น...ใช้ดาบของตัวเองได้อย่างกับตะเกียบเวลาคีบอาหารใส่ ปาก...ทุกอย่างนั้นมันจะเกิดขึ้นในภาวะไร้สติ/จิตสำนึก ด้วยการรับรู้จากภายในของเรา และมันไม่มีที่หรือเวลาให้เราได้คิด" ผมขอสรุปง่ายๆว่าสิ่งที่เขากำลังจะสื่อก็คือทำการเทรดมันง่ายเหมือนกับตอน กินข้าว 555 ลองคิดดูนะครับเวลาพวกคุณกินข้าวเราคิดแค่ว่าอยากจะกินอะไร ( เหมือนเลือกว่าจะเทรดสินค้าตัวไหน) จากนั้นเราก็กิน และก็กินตามสัญชาตญาณของเราจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนข้าวหมดจาน ( อารมณ์คงจะฟินเหมือนตอนได้ TP)...เห็นมั้ยครับง่ายนิดเดียว...บางครั้งทำไมเวลาเราเทรดเราถึงใส่ใจกับ ปัจจัยรอบด้านมากกันจัง ? เช่น ข่าว ,คำพูด และคนอื่นๆ ทำไมไม่มา focus ที่ดาบของเราเพราะถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งกับมันได้แล้วเราจะใช้มันฆ่าใครก็ได้ เพียงแค่ตวัดดาบเพียงทีเดียวเท่านั้น 

  ----ปล.บทความรอบนี้จะเป็นแนวเชิงเปรียบเทียบซะเยอะ ผมเชื่อว่าท่อนที่เป็นสำนวนเพื่อนๆทุกคนอ่านแล้วก็จะตีความออกมากันคนละแบบในแง่ของการเทรด...นี่ละครับทำไมผมถึงชอบอ่านปรัชญาเชิงสำนวน เพราะให้คน 100 คนมานั่งอ่านบทความอันเดียวกันยังตีความออกมาไม่เหมือนกันเลย นั่นละคือเสน่ห์ของสำนวน .



# Kanthorn #

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น