วันนี้มีพี่คนนึงเขาเอาลิงค์ที่บอกว่า order of operation มันผิด โดยปกติตอนเราเรียนหนังสือกันอยู่เราจะได้ตัวเลขมาชุดนึง เช่น 10-6*6/9+3+3*2 แล้วเราจะต้องเริ่มจากไหนก่อนละ ตามหลักทฤษฎีแล้วเราต้องเริ่มจาก การคูณไปยังการหารและไปยังการบวก สุดท้ายถึงลบ ผมเลยมานั้งคิดว่า เห้ย มันจะมีคนใช้หรอ วิดีโอนี้เขาพูดเฉพาะในมุมมองที่ครูสอนเด็ก แต่เรื่องจริง คนเป็นคนกำหนด operation เพราะสมการในโรงเรียนถูกตั้งโดยการสมมุติ ในชีวิตจริงเราจะกำหนดตัวแปร เพราะเราไม่สามารถจัดตัวเลขมั่วให้ผลลัพท์ได้ และพี่เขาถามให้ขยายเพิ่มเติม ผมก็อธิบายว่า order of operation จะไม่ถูกใช้ในชีวิตจริงๆเฉยๆครับ สมมุติบริษัทต้องการหา Net profit ของบริษัท NI=(Total revenue-Total cost)-interest expense)-tax
expense) << order operation พวกนี้คือคนกำหนดไว้แล้ว ดั้งนั้นมันจึงมาเป็น step ทีละ step อีกตัวอย่าง สมมุติเราต้องหา ค่า AVG ของกราฟ ทั้งหมด 10 แท่ง จากราคาปิด คนจะกำหนด order of
operation ดั้งนี้ ((p1+p2+p3+p4+p5+p6+p7+p8+p9+p10)/number
of candle) หรือ (p1/noc)+(p2/noc)+(p3/noc)+(p4/noc)+(p5/noc)+(p6/noc)+(p7/noc)+(p8/noc)+(p9/noc)+(p10/noc)
ซึ่งวิธีการหาจะถูกกำหนดแต่แรกเลย ถ้าในโรงเรียนจะให้เด็กแก้สมการ เช่น 10-5+3/3*9 อะไรประมาณนี้ ในความเป็นจริง ไม่มีใครเอาตัวเลขมาจัดแบบนี้โดยไม่มีวงเล็บ เช่น gross profit
= (P*Q)-(Fixed+total Variable cost) เรารู้อยู่แล้วว่า P*Q คือ Total revenue เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เปลี่ยนการเรียงมั่วๆครับ ไม่รู้เขียนเข้าใจหรือป่าว ผมมโนไปเองหรือป่าว 555+ ผมคิดว่าคณิตศาสตร์ไม่ได้ตายตัวขึ้นอยู่กับว่าคนจะจัดใช้มันยังไง
http://m.youtube.com/watch?v=y9h1oqv21Vs
แต่6เดือนก่อนมีหลายเรื่องที่ผมค่อนข้างจะมี conflict กับทีมแต่ช่วงหลังน้อยลงละ conflict ในที่นี้หมายถึงความคิดที่แตกต่างกัน ผมค่อนข้างที่จะไม่เชื่ออะไรที่ใครเขาพูดโดยปราศจากเหตุผลมาซัฟพอรต์ หรือเรียกว่าโต้วาที ไม่ใช่การเถียง แต่เมื่อตัวเองได้เริ่มเปิดใจมากขึ้น เราจึงได้อีกมุมมองซึ่งมันอาจจะไม่ถูกในความคิดของเรา แต่ถ้าเราเอามาคิดดีๆและปรับเปลี่ยนอะไรนิดอะไรหน่อยก็อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีได้เลยเช่นกัน ผมลองมาละการเปิดใจ ^^
Tobeatbox # ชิวดิว่าาา
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ตอบลบ10-6*6/9+3+3*2 = ?
ถ้าจะให้มองมันเป็นฟังค์ชั่นหนึ่งมันก็แค่
a-b*b/c+d+d*e = ?
ทั้งนี้มันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องตายตัว หรือเป็นไปตามกฏประถมที่เราเคยเรียนกัน
ถ้าจะมองให้ลึกเข้าไปในเนื้อหาหรืออรรถประโยชน์ของสมการฟังค์ชั่น
จริงๆแล้วมันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เราไปใช้ประโยชน์มากกว่ามาเสียเวลาถกเถียงถูกผิดกัน
เพราะฉะนั้น 10-6*6/9+3+3*2 = ?
สามารถคำนวนออกมาทั้งแบบ Maximize และ Minimize ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการผลลัพธ์แบบไหน
ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ต่างกันย่อมมีกระบวนการวิธีที่ต่างกัน
#ชาวชิว