วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

Day 7 My Past ตอนที่ 1 by Kanthorn


วันนี้ผมจะมาแชร์อดีตของผมในบางมุมให้ฟัง..หวังว่าผู้อ่านจะได้แง่คิดมุมมองกลับไปครับ.

----ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กที่แปลกครับ เป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ชอบเดินเล่นคนเดียวแล้วถือของในมือ 1 อย่าง(คิดว่ามันคืออาวุธ)พร้อมกับจินตนาการในเรื่องต่างๆในหัวไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน หรืออะไรก็ตามที่เราชอบแล้วคิดว่าเราเป็นตัวละครในเรื่องนั้นๆ และที่สำคัญในโลกของจินตนาการตัวผมต้องเก่งที่สุด ฮ่าๆๆๆ ไม่รู้จะเหมือนคนอื่นๆตอนเด็กหรือเปล่า....แต่มีบางสิ่งที่ผมแตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกันอย่างชัดเจนซึ่งตัวผมก็รู้ดี มันคือ "การอ่าน" (Reading Skill) ...ซึ่งต้องบอกเลยว่ากากมากครับ คือเอาตรงๆคืออ่านหนังสือไม่ออกครับ เพราะผมมีปัญหากับการเรียงตัวหนังสือภาษาไทย พอสะกดไม่ได้ก็อ่านไม่ออกทั้งๆที่เด็กรุ่นเดียวกันอ่านออกกันสบายหมดแล้วผมยังคงช้ากว่าคนอื่น....ประมาน ป.5 ผมเริ่มอ่านออกแต่ช้ามากเพราะต้องค่อยๆสะกดทีละคำ T_T มันไม่ง่ายเลยที่จะอ่าน....ผมเกลียดมากเวลาเรียนวิชาภาษาไทย คะแนนผมจะอยู่ท้ายห้องตลอดครับ ยิ่งตอนเด็กๆครูจะมีให้ยืนอ่านหนังสือภาษาไทยผมอายมากกกก...เพราะผมอ่านไม่ออก อ่านมั่วๆ จนเพื่อนๆส่งเสียงมาว่า " ไอ้ควาย ไอ้ควาย ไอ้ควาย อ่านหนังสือไม่ออก...แล้วทุกคนก็หัวเราะกันใหญ่เลย" ตรงจุดนั้นเลยทำให้ผมยิ่งอายครับ เลยไม่กล้าแสดงออก.....แต่ในเรื่องความกากของตัวผมก็มีความแปลก นั่นคือผมชอบท่องศัพท์ภาษาอังกฤษมาก เพราะมันจำง่ายกว่าภาษาไทย ในตอนนั้นผมจำได้ว่าอ่านคำว่า January เป็นก่อนคำว่า มกราคม ซะอีกและจำได้อีกว่าท่องเดือนทั้ง 12 เดือนเป็นภาษาอังกฤษได้สบายมาก แต่พอเดือนภาษาไทยก็กลับท่องไม่ได้...ผมไม่ได้กระแดะนะครับแต่ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ...ผมไม่ใช่ฝรั่งครับ พ่อแม่เป็นคนไทย และในตอนนั้นก็เรียน รร.ภาคไทยครับยังพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น

ผมมาเริ่มอ่านตัวหนังสือภาษาไทยออกจริงๆตอนประมาน ม.1 (ซึ่งถือว่าช้ากว่าเด็กปกติเยอะมากๆ)...และในตอนนั้นผมเป็นหัวหน้าห้องครับ ไม่รู้เพื่อนๆมันแกล้งหรือเปล่าที่เลือกผม และในตอนนั้นเองมันเริ่มทำให้ผมรู้ว่าคนที่เป็นผู้นำต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น เพราะเราคือผู้นำ....จำได้ว่าตอนนั้นก็ยังอ่านหนังสือออกเสียงได้ไม่เก่ง แต่เพราะหัวหน้าห้องต้องออกไปพูดบ่อย วิชาภาษาไทยก็โดนเรียกอ่านก่อน พออ่านผิดก็เริ่มอาย บางทีก็ชอบเติมคำมั่วๆต่อไปในหนังสือเรียนบทนั่นตอนยืนอ่าน...ผลก็คือเพื่อนหัวเราะที่เราอ่านผิด ครูก็ด่าหาว่าหัวหน้าห้องอ่านหนังสือไม่ออก....หลังจากนั้นมันทำให้ผมเจ็บใจเป็นอย่างมาก เกิดความกดดันมากมาย เลยกลับมาบอกแม่ว่า "แม่ทำไมกันต์เรียนเก่งสู้คนอื่นในห้องไม่ได้" แม่ผมเลยตอบกลับมาว่า "ถ้าเรารู้ตัวว่าเราไม่เก่ง เราต้องพยายามมากกว่าคนอื่น 2 เท่า" พ่อผมเล่าให้แม่ฟังว่า สมัยก่อนตอนพ่อเด็กๆพ่อผมโดนดูถูกมากบ้านก็จน เรียนก็ไม่เก่ง ป๊าของผมเลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ในตอนนั้นยังเป็นเด็กหาเงินยังไม่ได้ เลยใช้เรื่องเรียนเป็นการต่อสู้กับเพื่อนๆ เช่น ป๊าผมจะเดินไปถามเพื่อนที่คนเรียนเก่งที่สุดในห้องว่ามึงอ่านหนังสือวันละกี่ชั่วโมง? เพื่อนตอบว่า 2 ชั่วโมงก่อนนอน...ป๊าผมก็จะอ่าน 4 ชั่วโมงก่อนนอน...(แม่เล่าว่าตอนนั้นพ่อของผมเรียน รร.ประจำที่เรียนเป็นภาษาจีนทั้งโรงเรียน ดังนั้นเลยฝึกภาษาจีนทุกวัน นั่นแปลว่าไม่ใช่แค่ไทย แต่ฝึกจีนอีกพูดง่ายๆคือ ป๊าผมฝึกทั้ง 2 ภาษาพร้อมๆกันโดยที่ครูหรือเพื่อนๆก็จะพูดจีน เนื้อหาการสอนก็เป็นจีน...ไม่รู้จะเทพไปไหน T_T) ป๊าผมก็ทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ สรุปป๊าผมเอาชนะที่ 1 ของห้องได้สำเร็จครับ...เอาชนะคนที่เพื่อนๆเรียกว่าอัจฉริยะได้ครับ.

พอผมฟังที่แม่เล่าให้ฟังเสร็จมันก็ทำให้ผมคิดได้ว่า "ถ้าเราอยากที่จะเก่งกว่าคนอื่น...จากนี้ไปเราต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เท่าเสมอๆ" .............หลังจากนั้นผมก็ลงมือทำฝึกฝนๆ พยายามอย่างหนักทุกวันๆ อ่านๆๆ และก็อ่านๆ อ่านออกเสียง ดู TV เวลาเห็นผู้ประกาศข่าวพูดก็พูดตาม....ในเวลานั้นก็เรียนรู้ความเป็นผู้นำ เพราะเป็นหัวหน้าห้อง....ทำไปทำมามารู้ตัวอีกทีตอน ม.2 คะแนนวิชาภาษาไทยผมติด Top 3 ของห้องครับ และหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ต่ำกว่า 80% เลยถึงแม้ตอน ม.4 จะโดดเรียนบ่อยวิชาภาษาไทยก็ยังคงได้เกรด 4.00 (เทพปะละ 5555) ไหนตอนนั้นจะชอบแต่งกลอนอีกสนุกสุดๆ ไม่เชื่อไปดูในสมุดพกได้แม่ผมเก็บไว้ทุกเล่ม :)


-------สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการพัฒนาตัวของผมเองก็คือ เราต้องเรียนรู้ให้มากกว่าคนอื่น ถ้าเราอยากเก่งกว่าคนอื่น....ปากบอกอยากเก่ง อยากรวย แต่ทำอะไรเหมือนๆคนอื่นคุณจะไปเก่ง ไปรวยได้ยังไง-----

หลังจากวันนั้นจนถึงปัจจุบันผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากๆๆทั้งภาษาไทยและอังกฤษ...ตอนเรียนที่ BUIC  วิชาที่เป็นพวก reading หรือ writing คนอื่นบอกยากตีโจทย์ข้อนี้ไม่ออกผมทำได้หมดอะ..ผมจะได้คะแนนสูงตลอด ไม่ A ก็ B+ ต่ำสุดคือ B (ไม่เชื่อถามพี่ Mildshow หรือพี่ Boom ก็ได้ 55555)....ออกแนว Ego นิดๆ

ในมุมมองของผมนั้นคนที่เป็นอัจฉริยะมาแต่โดยกำเนิดมีจริงครับ....แต่สำหรับผมถ้าผมจะเป็นอัจฉริยะผมต้องสร้างมันขึ้นมาเอง..จากการฝึกหนักมากๆถึงจะไปสู้คนที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะได้ครับ.



ปล.ยังมี My Past ตอนที่ 2 คราวนี้จะพูดถึงจุดเปลี่ยนเรื่องหาเงินใช้เอง.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น